วิธีเลือกความยาวของท่อส่งลมให้เหมาะสมกับขนาดของพัดลม

เลือกใช้งานท่อส่งลมอย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วยวิธีการคำนวณที่เหมาะสม

ท่อส่งลม

ท่อส่งลม หรือ Flexible Duct เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์เสริมที่ถูกออกแบบมา เพื่อให้ทำงานควบคู่กับพัดลมดูดอากาศโดยเฉพาะ เราจะเห็นได้จากคุณสมบัติของท่อส่งลมที่สามารถช่วยเพิ่มระยะทางดูด/เป่าลมของพัดลมดูดอากาศได้มากขึ้นกว่าเดิม แต่ในทางตรงกันข้ามความยาวของท่อส่งลมที่เพิ่มมากขึ้น ก็ยังส่งผลต่อการลดประสิทธิภาพการทำงานของพัดลมดูดอากาศได้เช่นเดียวกัน

ชวนคุณทำความเข้าใจวิธีการเลือกความยาวของท่อส่งลม ที่เหมาะสมกับขนาดของพัดลมดูดอากาศให้ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เราสามารถใช้งานพัดลมดูดอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดนั่นเอง

วิธีการคำนวณความยาวท่อส่งลมที่เหมาะสมกับการใช้งาน

โดยปกติแล้วความยาวของท่อส่งลม (Flexible Duct) มีความยาวมาตรฐานอยู่ที่ 5 เมตร ซึ่งสามารถใช้งานตัวพัดลมดูดอากาศได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอยู่แล้ว แต่หากเราต้องการความยาวที่เพิ่มมากขึ้น ก็สามารถต่อเพิ่มความยาวได้ตามต้องการ แต่จะเกิดการสูญเสียความดันบางส่วนตามระยะทางที่เพิ่มมากขึ้น

เราสามารถคำนวณหาความยาวของท่อส่งลมที่เหมาะสมได้หลากหลายวิธีด้วยกัน ขึ้นอยู่กับลักษณะความต้องการของผู้ใช้งาน โดยตัวอย่างการคำนวณท่อลมที่ใช้ในเชิงวิศวกรรมจะมีด้วยกัน 3 วิธี ได้แก่

  • Velocity Reduction Method หรือ วิธีลดความเร็ว เป็นการคำนวณโดยเลือกความเร็วเริ่มต้นก่อนการสูญเสียแรงดันลมและเมื่อลดความเร็วลมลง ขณะที่ท่อส่งลมได้ทำการส่งลมออกไป เรายังสามารถนำไปปรับใช้คำนวณกับการเพิ่มหัวจ่ายจุดต่าง ๆ ได้เช่นเดียวกัน โดยควรกำหนดความเร็วลมที่จุดแรกตามค่าแนะนำ

  • Equal Friction Method หรือ วิธีแรงเสียดทานเท่ากัน โดยจะเป็นการกำหนดให้มีค่า Friction Loss ที่มีความยาวเท่ากันตลอดทั้งระบบ กำหนดผ่านความเร็วลมเริ่มต้นในท่อหลักซึ่งจะอยู่ใกล้พัดลมมากที่สุด ซึ่งสามารถตรวจสอบได้จากค่าตารางที่เหมาะสม เพื่อนำค่าความเร็วลมเริ่มแรก และ ปริมาณลม สำหรับไปคำนวณหาค่า Friction Rate สำหรับใช้งานในระบบ

  • Static Regain Method หรือ วิธีความดันสถิตได้คืน มักจะใช้กับท่อส่งลมที่มีความเร็วสูง ซึ่งมีวิธีที่ค่อนข้างซับซ้อนหากเทียบกับสองวิธีข้างต้น ใช้หลักการเลือกขนาดท่อส่งลมให้ได้ Regain ที่มาจากการลดความเร็วลงแต่ละส่วนของท่อส่งลม นำไปหักล้างกับ Friction loss ของท่อส่งลมส่วนถัดไป จะได้ Static Pressure ที่มีค่าเท่าเดิมกับก่อนที่มีการแยกท่อนั่นเอง

วิธีการคำนวณขนาดของพัดลมดูดอากาศที่เหมาะสมกับการใช้งาน

เมื่อเราคำนวณปริมาณการสูญเสียความดันแรงลมที่เกิดขึ้นตามระยะทางท่อส่งลมได้เรียบร้อยแล้ว เราสามารถนำมาหักลบกับปริมาณแรงลมที่เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานพื้นที่ที่เราต้องการต่อได้ในทันที โดยสามารถคำนวณได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

หาขนาดพื้นที่ที่เราต้องการใช้งานออกมาเป็นหน่วยลูกบาศก์ฟุต โดยนำความยาว x ความกว้างของห้อง และนำมา x 27 นิ้ว เพื่อหาปริมาณลูกบาศก์นิ้ว ก่อนที่จะนำมาหารด้วย 1728 เพื่อให้ได้ปริมาณลูกบาศก์ฟุตของห้องที่เราต้องการใช้งานท่อส่งลมกับพัดลมดูดอากาศ เป็นสมการดังนี้

(ความยาว x ความกว้าง) x 27 นิ้ว / 1728 = ปริมาณลูกบาศก์ฟุต

หลังจากนั้นให้เราคิดปริมาณจำนวนในการเปลี่ยนอากาศต่อชั่วโมง หรือ Air Changes per hour (ACH) ของห้องของเราซึ่งจะคำนวณจากปริมาตรและความรุนแรงของสิ่งปนเปื้อนต่าง ๆ ซึ่งต้องใช้ความเชี่ยวชาญในการประเมินค่อนข้างสูง

เมื่อเราได้ปริมาณลูกบาศก์นิ้วของห้องแล้ว ให้นำมาคูณกับจำนวนครั้งในการเปลี่ยนอากาศต่อชั่วโมง ตัวอย่างเช่น พื้นที่อับอากาศมีปริมาตร 10,000 ลูกบาศก์ฟุต x จำนวนครั้งในการเปลี่ยนอากาศต่อชั่วโมง 6 ACH เท่ากับว่าพื้นที่นี้ต้องการลมขนาด 60,000 ฟุต

จากนั้นให้ทำการหารค่าด้วยจำนวนนาทีใน 1 ชั่วโมง หรือเท่ากับหารด้วย 60 ก็จะได้ปริมาณแรงลมที่เหมาะสมขั้นต่ำอยู่ที่ 1,000 CFM (Cubic Feet per Minute) แต่หากเรามีการใช้ท่อส่งลมเพิ่มเข้าไปด้วย ก็จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณแรงลมที่เหมาะสมมากขึ้นไปอีก ตามจำนวนแรงลมที่เสียไปตามระยะทางของท่อส่งลมนั่นเอง โดยตัวอย่างปริมาณแรงลมของพัดลมดูดอากาศที่มีอยู่ในท้องตลาด เช่น

  • พัดลมดูดอากาศ 8 นิ้ว มีปริมาณแรงลมอยู่ที่ 900 CFM
  • พัดลมดูดอากาศ 12 นิ้ว มีปริมาณแรงลมอยู่ที่ 2340 CFM
  • พัดลมดูดอากาศ 16 นิ้ว มีปริมาณแรงลมอยู่ที่ 3780 CFM
  • พัดลมดูดอากาศ 24 นิ้ว มีปริมาณแรงลมอยู่ที่ 8640 CFM

ความยาวท่อส่งลมที่เหมาะสมกับขนาดพัดลม ผู้เชี่ยวชาญตอบได้

การเลือกใช้งานท่อส่งลมและพัดลมดูดอากาศมีหลากหลายตัวแปรที่เราต้องคำนึงถึง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้งานท่อส่งลมในพื้นที่อับอากาศหรือพื้นที่เปิด การใช้งานท่อส่งลมในจุดประสงค์การดูด/เป่า และอีกหลายสิ่งที่ต้องอาศัยการคำนวณอย่างละเอียดถี่ถ้วน

เราจึงควรเลือกใช้บริการการปรึกษาขนาดท่อส่งลมที่เหมาะสมกับผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ความยาวท่อส่งลมและขนาดพัดลมดูดอากาศจะมีความเหมาะสมกับการใช้งานอย่างแท้จริง

สรุปข้อดีของการเลือกความยาวท่อส่งลมได้เหมาะสมกับขนาดของพัดลมดูดอากาศ

จะเห็นได้ว่าความยาวของท่อส่งลมนั้น สามารถส่งผลถึงประสิทธิภาพการทำงานของพัดลมดูดอากาศได้โดยตรง เพราะระยะทางที่เพิ่มขึ้นของท่อส่งลมจะตามมาด้วยการสูญเสียแรงดันลมบางส่วนนั่นเอง

ในขณะเดียวกันเรายังจำเป็นต้องเลือกขนาดของพัดลม ที่มีปริมาณแรงลมที่เหมาะสมกับการใช้งานอีกด้วย โดยสามารถคำนวณได้หลากหลายวิธีด้วยกัน เช่น การหาค่าการสูญเสียแรงลมตามระยะทางท่อส่งลมนำมาหักลบกับปริมาณแรงลมของพัดลมดูดอากาศ หรือจะใช้วิธีปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านท่อส่งลมโดยตรงก็ได้เช่นเดียวกัน นอกจากจะสะดวกสบายแล้วเรายังมั่นใจได้แน่นอนว่าท่อส่งลมและพัดลมดูดอากาศที่เราใช้งานนั้น จะมีประสิทธิภาพการทำงานที่เหมาะสมอย่างแท้จริงนั่นเอง

Master Fan Supply and Part เราคืออีกหนึ่งผู้ผลิตและจำหน่ายพัดลมโรงเรือน พัดลมกวนอากาศ พัดลมถังกลม พัดลมฟาร์ม พัดลมดูดอากาศ และท่อส่งลมคุณภาพสูง คัดสรรแต่สินค้าคุณภาพเพื่อการใช้งานที่มีประสิทธิภาพโดยเฉพาะ

มั่นใจได้ถึงคุณภาพด้วยประสบการณ์ในการให้บริการมาแล้วมากกว่า 10 ปี สามารถให้คำแนะนำในการเลือกความยาวท่อส่งลมที่เหมาะสมกับขนาดพัดลมดูดอากาศ ที่ตรงกับลักษณะการใช้งานได้อย่างตรงจุดอย่างแน่นอน

สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยว ติดต่อ
บริษัท มาสเตอร์แฟนซัพพลายแอนด์พาร์ท จำกัด

E-mail : masterfansp@gmail.com
  

Visitors: 95,365